Bullet Time ศิลปะและความเท่ผ่านกระสุนปืน
ไม่ว่าจะเป็นเกม หรือฉากของภาพยนตร์แอ็คชั่น เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยผ่าน หรือเห็นสิ่งที่เรียกว่า “Bullet Time” กันมาก่อนแน่นอน Bullet Time หรือที่เราชอบเรียกกันติดปากว่า กระสุนสโลว์ หรือ Freeze Time และอื่น ๆ อีกมาก จริง ๆ แล้วมันมีที่มาที่ไปจากอะไร เกมแคนดี้ออนไลน์ วันนี้เราจะมาคำตอบของเทคโนโลยีที่มอบทั้งศิลปะและความเท่ผ่านกระสุนปืนนี้กัน
Bullet Time หรือวิชวลเอฟเฟคท์หรือเทคนิคที่ใช้ลดความเร็วของเวลาลง แต่ภาพที่ถ่ายทอดออกมาจากมุมกล้องจะมีความเร็วเท่าเดิม ถูกนำมาใช้กับภาพยนตร์หรือเกมแอ็คชั่นต่าง ๆ นา ๆ ที่มักจะทำเพื่อความเท่ ดูเอามัน สะใจ
Kill & Kill Again ภาพยนตร์ปี 1981 เคยใช้เทคนิคนี้ในการถ่ายทอดเรื่องราวของหนัง แม้กระทั่งอนิเมะของญี่ปุ่นในช่วงแรกอย่าง Speed Racer ปี 1966 ก็ยังเคยใช้เทคนิคนี้ด้วย และก่อนหน้านี้ก็เคยมีหนังหลายเรื่องที่ใช้เทคโนโลยีนี้ แต่หนังเรื่องแรกที่ทำให้คำว่า “Bullet Time” กลายเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องไหนเลย แต่คือ The Matrix ที่ทำให้คำนี้ถูกใช้กันไปทั่วโลก
และจริง ๆ แล้วเทคนิคนี้ถูกคิดค้นขึ้นมานานมากแล้วตั้งแต่ก่อนจะมีการถ่ายทำภาพยนตร์ โดยเป็นผลงานเบื้องต้นของ Etienne Jules Marey และทดลองโดย Eadweard Muybridge ที่ได้วิเคราะห์การเคลื่อนที่ของการควบม้าโดยใช้กล้องถ่ายรูป เพื่อถ่ายภาพขณะที่พวกมันวิ่งผ่านไป จนกระทั่งเกมที่หยิบเอาระบบนี้ไปใช้ และทำให้ยิ่งดังขึ้นไปอีกก็หนีไม่พ้น Max Payne ที่เรารู้จักกันดี
อย่างที่เราบอกทั้ง The Matrix และ Max Payne ไม่ใช่สื่อแรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ แต่เพราะมันทำให้ถูกรู้จักไปอย่างแพร่หลายมากขึ้น เพราะทั้งการสโลว์โมชั่น การใช้เทคนิคในการถ่ายทำต่าง ๆ ที่สื่อต่าง ๆ เคยใช้ นำมารวมเข้าด้วยกัน โดยวิสัยทัศน์ของผู้กำกับ Lana และ Lily Wachowski (และมีขั้นตอนการถ่ายทำที่ยุ่งยากและต้องลงทุนมาก ๆ)
ซึ่งเอฟเฟคท์ของภาพยนตร์ The Matrix นั้นถูกสร้างขึ้นโดย John Gaeta และ Manex Visual Effect โดยหลังจากนั้นไม่กี่ปี Max Payne เกมที่สร้างชื่อยุคแรก ๆ ให้ทาง Remedy ก็ได้วางจำหน่าย และมันยิ่งทำให้สิ่งที่เรียกว่า Bullet Time โด่งดังขึ้นไปอีก
หากมองกันแค่เนื้อเรื่อง Max Payne อาจเป็นเรื่องราวทั่วไปของนายตำรวจผู้จมสู่วังวนความแค้นเพราะภรรยาและลูกสาวถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม และแน่นอนว่าถ้ามันมีแค่นี้ ชื่อของ Max Payne ก็คงจะไม่ได้อยู่ในใจแฟน ๆ มาจนทุกวันนี้
สิ่งที่ทำให้ Max Payne โดดเด่น ก็คือลีลาการต่อสู้ของตัวพระเอก ที่ใส่เอาระบบ Bullet Time (หรือ Slowmotion) เข้ามาในเกมด้วย ASIA369 และด้วยการที่อยากจะเล่นใหญ่ใส่ระบบนี้เข้าไป งบในการจ้างนักแสดงจึงจำกัดจำเขี่ยเอามาก ๆ หากคุณเป็นแฟนเกมจะเห็นเลยว่า ใบหน้าของ Max Payne ใน Cutscene นั้น ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก Sam Lake หัวเรือใหญ่ของ Remedy เอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น